48 ชั่วโมงที่เบอร์ลินในเยอรมนี

ถ้าพูดถึงการใช้เวลา 48 ชั่วโมงที่เบอร์ลินอาจจะรู้สึกว่ายังไม่มากพอ แต่หากโชคดีพอที่จะมีเวลาสักวันสองวันมาใช้ในเมืองหลวงที่มีความเป็นสากลแห่งนี้ของเยอรมนี เราก็ได้สร้างแผนเที่ยวอย่างละเอียดมาให้ซึ่งจะแนะนำให้ได้รู้จักกับเมืองดังกล่าว ด้านล่างนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดของเบอร์ลินให้ได้เพลิดเพลินตลอด 2 วัน โดยมีตั้งแต่แกลเลอรีและพระราชวังไปจนถึงโรงเบียร์และบาร์

วันที่ 1

The Barn ที่ Café Kranzler เป็นร้านกาแฟอันโด่งดังและเป็นที่ยอมรับในเบอร์ลิน ที่นี่เสิร์ฟกาแฟคั่วสดใหม่ให้ลูกค้า และมีวิวมุมกว้างของถนน Kurfürstendamm ซึ่งเป็นถนนพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของเบอร์ลิน ลองสั่งเค้กโฮมเมดสักชิ้นมาทานเสริมรสกาแฟที่ชงมาอย่างมีคุณภาพ พลางนั่งดูผู้คนและดื่มด่ำกับวิวจากลานระเบียง

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเดินทางไปอาคารไรช์สตากอันเก่าแก่ซึ่งใช้เป็นอาคารรัฐสภาเยอรมนี อีกทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองด้วยเช่นกัน โดยจะเห็นคิวเข้าชมยาวขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน ดังนั้นเมื่ออยู่ในเยอรมนีก็ควรทำอย่างที่คนเยอรมันทำ และรีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้ใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพที่สุด เดินไปรอบบริเวณอาคารตามออดิโอไกด์ที่มีให้บริการฟรี ซึ่งจะพาขึ้นทางลาดวนขึ้นไปถึงยอดโดมแก้วที่ออกแบบโดย Sir Norman Foster และจากที่นี่ก็จะได้เห็นวิวเมืองตระการตา 360 องศา นอกจากนี้ที่อาคารไรช์สตากก็ยังจัดการโต้วาทีแบบสด ๆ และนิทรรศการศิลปะที่ผลัดเปลี่ยนอยู่ตลอด

จากอาคารไรช์สตากเดินเพียง 6 นาทีก็จะเจอประตูบรันเดนบูร์กซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สื่อถึงเอกภาพ อีกทั้งเป็นประตูเมืองเพียงแห่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของเบอร์ลินและปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง หากต้องการโอกาสถ่ายภาพให้ออกมาดีที่สุด ให้ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ก่อนที่ฝูงชนจะมารวมตัวกัน หรือไปช่วงกลางคืนตอนที่ซุ้มประตูชัยนี้ดูน่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีกด้วยแสงไฟที่ตัดกับผืนฟ้ามืดมิด

Hofbräu Wirtshaus เปรียบได้กับร้าน Hofbräuhaus อันโด่งดังของมิวนิกแต่เป็นเวอร์ชั่นในแบบเบอร์ลิน เมื่อมาโรงเบียร์ขนาดใหญ่แห่งนี้ก็คาดได้เลยว่าจะพบกับสิ่งต่าง ๆ อย่างคนเป็นกลุ่มใหญ่ เบียร์แก้วโต อาหารเน้นเนื้อ ดนตรีสไตล์บาวาเรียเสียงดังกระหึ่ม และพนักงานแต่งชุดดั้งเดิมอย่าง Lederhosen และ Dirndl

Alte Nationalgalerie เป็น 1 ใน 5 พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บน Museum Island ของเบอร์ลิน โดย UNESCO ประกาศให้เกาะดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก พิพิธภัณฑ์หอศิลป์แห่งนี้มีอยู่ในแผนสร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1866 และเริ่มสร้างในปีถัดมา และเป็นตัวอย่างน่าทึ่งของสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกซึ่งออกแบบให้ดูเหมือนวิหารกรีก เมื่อเข้ามาภายในท่านจะพบกับผลงานชิ้นเอกของศิลปินเลื่องชื่ออย่าง Caspar David Friedrich, Edouard Manet และ Claude Monet

หลังไปเที่ยวเกาะ Museum Island แล้วก็อย่าลืมแวะตลาดศิลปะแห่งนี้ซึ่งมีนักออกแบบและศิลปินทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติมาวางขายสินค้า ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่ประติมากรรมและภาพวาดออริจินอลของศิลปินเอง ไปจนถึงเครื่องประดับและหนังสือมือสอง

Thuringer Stuben เป็นร้านอาหารสไตล์บ้าน ๆ ที่เปิดบริการมา 25 ปีแล้ว ที่นี่เสิร์ฟอาหารเยอรมัน โดยเฉพาะอาหารจากภูมิภาค Thuringia ทางตะวันออก ลองสั่งเมนูคลาสสิกอย่างขาหมูย่าง ไส้กรอกบราตวัวร์สต์ (bratwurst) และกะหล่ำปลีดอง (sauerkraut) ปิดท้ายด้วยแอปเปิลสตรูเดิลอุ่น ๆ แบบโฮมเมด

วันที่ 2

หลีกหนีความเร่งรีบวุ่นวายในเมืองไปใช้เวลาช่วงเช้าในพอทสดัมเพื่อสำรวจเกี่ยวกับราชวงศ์ปรัสเซียที่พระราชวังซองซูซีจากศตวรรษที่ 18 โดยจากใจกลางเบอร์ลินจะใช้เวลานั่งรถไฟไม่ถึง 1 ชั่วโมง พระราชวังสีเหลืองสดและสวนที่อยู่รอบ ๆ นั้นสร้างไว้สำหรับใช้เป็นบ้านพักฤดูร้อนของพระเจ้าเฟรเดอริคมหาราช โดยบริเวณสวนมีไร่องุ่นขั้นบันได พลับพลาทรงจีนเลื่อมทอง และโถงทรงถ้ำที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม ที่ประทับแปรพระราชฐานส่วนพระองค์แห่งนี้เดิมเคยเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อน จึงได้ชื่อ “ซองซูซี” (Sanssouci) จากคำฝรั่งเศสที่แปลว่า “ไร้กังวล”

หลังไปสำรวจพื้นที่ของราชวงศ์จนท้องหิวแล้ว ก็ขอแนะนำให้มุ่งหน้าไปทานมื้อกลางวันซึ่งใช้วัตถุดิบจากในท้องถิ่น ร้าน Markthalle Neun สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1891 และเชี่ยวชาญด้านอาหารที่ทำแบบดั้งเดิม ที่นี่เปิดให้บริการวันอังคารถึงวันเสาร์และดึงดูดนักท่องเที่ยวกับชาวเบอร์ลินในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน ซึ่งล้วนเบียดเสียดเพื่อให้ได้ทานอาหารยุโรป เอเชีย และแอฟริกาที่ดีที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกจากนี้ที่ร้านก็จัดงานอาหารขึ้นทุกปีเช่นกัน ดังนั้นอย่าลืมเช็คว่าช่วงที่มาเที่ยวในเมืองมีงานหรือกิจกรรมอะไรบ้าง

Schmittz เป็นบาร์ที่เน้นเรื่องฟุตบอลจึงเป็นสถานที่ดีเยี่ยมสำหรับติดตามการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกาและแชมเปียนส์ลีก หากไม่มีการแข่งนัดใหญ่ ๆ ลูกค้าขาประจำก็จะเล่นปาเป้าและฟุตบอลโต๊ะ ลองหยิบไม้และร่วมแข่งตีปิงปองแบบผลัดกันซึ่งจะโต้ไปมาอยู่เกือบตลอด

Kino Central เป็นโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่หลังลานที่มีภาพกราฟฟิตี้ขีดเขียนไว้ ที่นี่เปิดให้ชมหนังแนวอาร์ตเฮาส์นานาชาติในบรรยากาศเจ๋ง ๆ เมื่อหนังจบแล้วก็มาผ่อนคลายที่ลานพลางจิบเบียร์เยอรมัน และชมสตรีทอาร์ตที่ขีดเขียนไว้ตามกำแพงต่าง ๆ

หลังออกไปผจญภัยครั้งใหญ่มาทั้งวัน ก็ถึงเวลาลิ้มรสผลิตภัณฑ์ตามภูมิภาคและฤดูกาลที่ผ่านการคัดสรรมาอยู่ในเมนูอาหารเย็นที่ปรุงออกมาอย่างประณีตพิถีพิถันของร้านอาหารนี้ที่เรียบง่ายแต่ได้ดาวมิชลินสตาร์แห่งนี้ อิ่มอร่อยกับทุกเมนูสไตล์บิสโทรที่สร้างสรรค์แต่คลาสสิก และอย่าลืมเผื่อท้องไว้ทานของหวาน ลองนึกถึงการผสมผสานรสชาติแสนอร่อยอย่างมิโซะ กล้วย และงาเข้าด้วยกัน

ปิดท้ายค่ำคืนที่ KitKatClub (เดินเพียง 20 นาทีจากร้าน Doyum) ซึ่งเหล่านักเที่ยวคาดได้เลยว่าจะได้สุดเหวี่ยงเป็นตัวของตัวเองไปตามเพลงเทคโน และจะได้สัมผัสการท่องราตรีที่เปิดรับคนทุกกลุ่มและโด่งดังของเบอร์ลิน สถานที่เฉพาะทางแห่งนี้เป็นคลับเฟติชที่เปิดมาอย่างยาวนานและเข้มงวดเรื่องเดรสโค้ด ซึ่งปกติแล้วชอบให้สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ สนุกกับบรรยากาศคึกคักของฟลอร์แดนซ์ ค้นพบสระว่ายน้ำในคลับ และเต้นให้สุดเหวี่ยงทั้งคืนท่ามกลางฝูงชนกลุ่ม LGBTQ+ ที่เป็นมิตร

การเดินทาง

เบอร์ลินมีระบบขนส่งที่เชื่อมต่อกันเป็นอย่างดีเพราะมีสนามบิน Brandenburg ตลอดจนสถานีกลางของเบอร์ลินก็มีรถไฟวิ่งเข้ามาจากทั่วยุโรปและวิ่งออกด้วยเช่นกัน หากจะเดินทางจากสนามบินเข้ามาในเมือง ก็สามารถนั่งแท็กซี่ รถบัสประจำทาง หรือรถไฟ U-bahn และ S-bahn

ที่พักแนะนำ

Hotel Zoo Berlin: ที่พักมีสไตล์ซึ่งอยู่ห่างจาก Cafe Kranzler โดยเดินเพียงแค่ 2 นาที

Casa Camper Berlin: ตกแต่งทันสมัย มีวิวเมือง และตั้งอยู่ใจกลางเบอร์ลิน

Hotel Adlon Kempinski Berlin: โรงแรมสุดหรูที่ผู้คนต่างยกย่อง ตั้งอยู่ใจกลางย่านมิทเทอ

ฟังเพลง

บิลด์อารมณ์ให้พร้อมไปทริปเที่ยวเมืองเบอร์ลินได้ด้วยเพลย์ลิสต์นี้ที่มีเพลงฮิตเกี่ยวกับเมืองหลวงแห่งนี้