10 จุดหมายยอดนิยมสำหรับชมแสงเหนือ

ฤดูชมแสงเหนือมาถึงแล้ว ช่วงเวลานี้ของปีกลับมาอีกครั้ง ช่วงเวลาที่ในบางพื้นที่ของโลกมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติซึ่งเกิดจากการชนกันของอนุภาคที่ปลดปล่อยมาจากดวงอาทิตย์เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ปรากฏการณ์บนท้องฟ้านี้ขึ้นชื่อว่าหายาก (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและดวงอาทิตย์) แต่ถ้าคุณทำการบ้านมามากพอก็น่าจะหาที่ชมได้ เพื่อช่วยให้ง่ายขึ้นสำหรับคุณ เราจึงได้รวบรวม 10 จุดหมายยอดนิยมสำหรับชมแสงเหนือมาให้

แคนาดามีพื้นที่ธรรมชาติซึ่งไร้ผู้อยู่อาศัยกว้างไกลหลายล้านกิโลเมตร ทำให้มีมลภาวะทางแสงในระดับที่น้อยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก จึงยิ่งเหมาะกับการมาดูแสงเหนือ นอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์อยู่ใกล้เส้นอาร์กติกเซอร์เคิลมากที่สุด จึงเป็นจุดที่เหมาะอย่างยิ่งในการชมแสงสีเขียวอันโด่งดัง (ระหว่างกลางเดือนสิงหาคมไปจนถึงปลายเดือนเมษายน) ถ้าจะให้เจาะจงลงไปอีกก็มุ่งหน้าไปยังเมืองเยลโลว์ไนฟ์บนชายฝั่งทะเลสาบเกรตสเลฟและเข้าพักที่ Aurora Bayside Inn เพื่อผ่อนคลายบนลานระเบียงอาบแดดแสนสวยมองลงมาเห็นผืนน้ำ

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งบนละติจูดเหนือ จึงทำให้อลาสก้าเป็นสถานที่ที่มีเปอร์เซ็นต์สูงสุดที่จะได้เห็นแสงเหนือ อันที่จริงแล้วเมืองแฟร์แบงค์สตั้งอยู่ใต้เส้นแนวของแสงออโรราพอดี และมีระบบคาดการณ์ของตัวเองถึงปรากฏการณ์นี้ รวมถึงน้ำพุร้อนซึ่งคุณสามารถเข้าไปหาความอบอุ่นท่ามกลางความหนาวเหน็บได้ ทัวร์ผจญภัยในอุทยานแห่งชาติเดนาลีและยูคอนจะทำให้ผู้มาเยือนได้วิวดีที่สุด และตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคมนั้นจะชมท้องฟ้าที่ส่องสว่างด้วยแสงสีเขียวเป็นแนวโค้งได้ในช่วง 4 ทุ่มไปจนถึงตี 3 เข้าพักที่ Pike's Waterfront Lodge ซึ่งได้คะแนนสูงและอบอุ่นแสนสบายในแฟร์แบงค์ส และลิ้มลองวาฟเฟิลปริมาณจุใจเป็นมื้อเช้าในเช้าวันถัดไป

บริเวณรอบนอกของอุทยานแห่งชาติวัตนาโจคุลในไอซ์แลนด์ซึ่งอยู่ใกล้กับธารน้ำแข็งในชื่อเดียวกันนั้นคุณจะพบหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ Kálfafell ท้องฟ้าของที่นี่เป็นสีดำราวกับหมึก จึงมีโอกาสมากมายที่จะได้เห็นแสงสีเขียวพุ่งออกมาอยู่กลางผืนฟ้าของไอซ์แลนด์ ที่พักอย่าง Fosshotel Nupar มีวิวของทุ่งลาวา เทือกเขา และธารน้ำแข็งของวัตนาโจคุล รวมถึงแสงเหนือด้วย

ทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยเทือกเขาและฟยอร์ดรอบ ๆ ทรอมโซจะกลายมาเป็นฉากหลังที่งดงามสำหรับแสงเหนือ นอกจากนี้ที่นี่ยังเดินทางไปค่อนข้างง่าย มีท้องฟ้าจําลองของตัวเอง และมีเทศกาลแสงเหนือประจำปีในช่วงฤดูหนาว โดยมักมีอีเวนท์งานดนตรีจัดขึ้นใต้ท้องฟ้าที่เปล่งประกายเป็นสีเขียว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการดูแสงเหนือคือระหว่างเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนมีนาคม เข้าพักในทรอมโซในที่พักที่ได้คะแนนสูงอย่าง Scandic Ishavshotel ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลงดงามริมท่าเรือของเมือง

เมื่อเดินทางลึกเข้าไปในเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลราว 240 กิโลเมตร ก็จะได้พบกับแสงออโรราปรากฏให้เห็นชัดเจนแจ่มแจ้งเหนือหมู่บ้านเล็ก ๆ ในสวีเดนอย่างอาบิสโก ด้วยตำแหน่งของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Torneträsk ซึ่งมีความยาว 70 กิโลเมตร จึงทำให้ผืนฟ้าเบื้องบนยังคงมองเห็นได้ชัดเจนไม่ว่าสภาพอากาศที่ส่งผลในวงกว้างจะเป็นอย่างไรก็ตาม สำหรับที่พักก็มี STF Abisko Turiststation เป็นเกสต์เฮาส์อยู่บนชายฝั่งทะเลสาบ

เมื่อถึงฤดูกาล แสงเหนือจะปรากฏอยู่เหนือฟินแลนด์แทบทุกคืน ดังนั้นโอกาสที่จะได้ชมปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่เปล่งแสงสีเขียวและม่วงนั้นจึงมีสูงอย่างยิ่ง อีวาโลเป็นหมู่บ้านบริเวณแม่น้ำอีวาโลในแลปแลนด์ ภูมิภาคทางเหนือสุดของฟินแลนด์ ซึ่งแทบจะไม่มีการจราจรและไม่มีมลภาวะทางแสงด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเองยิ่งขึ้นไปอีก คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์สโนว์โมบิลเพื่อไล่ล่าแสงเหนือไปท่ามกลางผืนป่าและพื้นที่ทางธรรมชาติที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดนี้น่าตื่นเต้นเหมือนได้ออกผจญภัยมากยิ่งขึ้นไปอีก Guesthouse Husky ซึ่งดำเนินกิจการโดยครอบครัวนั้นมีบริการอาหารโฮมเมดสไตล์ฟินแลนด์แบบดั้งเดิมและทริปฮัสกี้ลากเลื่อน

บริเวณชายฝั่งทะเลสาบอีนารี (ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในฟินแลนด์) เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านอีนารีอันห่างไกล หากเดินทางไปช่วงกลางฤดูหนาว ก็ให้ร่วมทัวร์ฮัสกี้ผ่านหิมะหนาและป่าที่เต็มไปด้วยกวางเรนเดียร์และมองหาเส้นสายสีเขียวส่องสว่างเริงระบำอยู่บนผืนฟ้า นอกจากนี้ Inarin Kalakenttä ก็มีหาดส่วนตัวของที่พักสำหรับชมแสงเหนือ

เมืองอัลต้าซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลเป็นที่ตั้งของหอสังเกตการณ์แสงเหนือแห่งแรกของโลก โดยสร้างอยู่บนยอดเขา Haldde ในปี 1899 ที่นี่ยังมีสภาพอากาศดีเยี่ยมสำหรับชมแสงเหนืออีกด้วย โดยมีหยาดน้ำฟ้าเล็กน้อยและฟ้าใสในช่วงฤดูหนาว ส่วน Trasti & Trine Boutique Hotel เป็นที่พักที่ได้คะแนนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในอัลต้า โดยรายล้อมไปด้วยป่าบนริมฝั่งแม่น้ำอัลต้า

Sandgerdi เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงบนคาบสมุทรเซาเทิร์นเพนนินซูลา แต่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการไล่ล่าแสงเหนือ แม้ว่าจะมีผู้คนนิยมมาเที่ยวกันเพิ่มขึ้นรวมถึงอยู่ใกล้กับเรคยาวิก แต่ Sandgerdi ยังคงเงียบสงบน่ารื่นรมย์ โดยมีแสงเหนือสะท้อนอยู่ในทะเลโดยรอบ ช่วงเดือนที่คนนิยมมาชมแสงออโรรากันมากที่สุดคือธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ก็มี Ocean Break Cabins ให้บริการเคบินไม้แบบตั้งแยกเป็นหลัง ๆ พร้อมด้วยอ่างน้ำอุ่นส่วนตัว โดยที่พักนี้อยู่ไม่ไกลนักจากบลูลากูนในไอซ์แลนด์

บริเวณชายแดนติดกับรัสเซียเป็นที่ตั้งของเมืองคีร์เคเนสอันเงียบสงบบริเวณอาร์กติกซึ่งอยู่กึ่งกลางพอดีในโซนแสงเหนือ เมืองนี้เป็นจุดหมายสำหรับผู้เดินทางที่ต้องการความท้าทายถึงขีดสุด เพราะว่าที่นี่แทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ก็ยังมีทริปต่าง ๆ สำหรับไปสำรวจเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล อีกทั้งมี Thon Hotel Kirkenes ตั้งอยู่บนชายฝั่งคาบสมุทรบอกฟยอร์เดนและมีทัวร์สโนว์โมบิล ทริปสุนัขลากเลื่อนและการตามรอยหมี