ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

7 แหล่งมรดกโลก UNESCO อันน่าตื่นตาตื่นใจในอินเดีย


กิจกรรมน่าสนใจ
ศิลปะ
ทะเลสาบ
ประวัติศาสตร์
สิ่งที่น่าสนใจ
เทศกาล
กลางแจ้งและธรรมชาติ

ในประเทศที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมและมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์อย่างอินเดีย คงไม่น่าแปลกใจถ้าคุณจะพบแหล่งมรดกโลก UNESCO ในจำนวนที่มากเป็นอันดับ 6 ของโลก

เราทุกคนต่างรู้จักทัชมาฮาลซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่อินเดียมีสมบัติล้ำค่าทางธรรมชาติและวัฒนธรรมอยู่มากมายกว่านั้นมาก ที่นี่มีตั้งแต่ถ้ำโบราณที่สร้างด้วยการเจาะเข้าไปในช่องเขาสูงชัน ไปจนถึงภูมิทัศน์เหนือจริงและซากปรักหักพังของอาณาจักรวิชัยนคร

ด้านล่างนี้เป็นแหล่งมรดกโลก UNESCO ที่น่าหลงใหลที่สุด 7 แห่งของประเทศ ซึ่งแสดงถึงความน่าทึ่งสุด ๆ ของอินเดียได้เป็นอย่างดี

ฮัมปี รัฐกรณาฏกะ

ฮัมปี รัฐกรณาฏกะ

ฮัมปีเป็นหมู่บ้านโบราณที่ตั้งอยู่ใจกลางรัฐกรณาฏกะทางตอนใต้ของอินเดีย ภูมิทัศน์ที่แวดล้อมนั้นเหนือจริงจนให้ความรู้สึกเหมือนอยู่โลกอื่นโดยสิ้นเชิง ต้นกล้วยและที่ราบซึ่งเต็มไปด้วยนาข้าวเขียวขจีตัดกับก้อนหินสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่มหึมาที่กระจายตัวอยู่ทั่วภูมิประเทศที่ลดหลั่นเป็นคลื่น

ก้อนหินที่สึกกร่อนโดยธรรมชาติเหล่านี้เกาะกันเป็นกลุ่มเป็นกองอย่างไม่มั่นคงเหมือนงานประติมากรรมที่พังทลายลง ทั้งยังกองซ้อนกันอยู่บนเนินเขาซึ่งเป็นจุดที่ดีเยี่ยมสำหรับชมพระอาทิตย์ตกในมุมกว้างที่งดงามจับใจ แต่ที่สำคัญที่สุด ฮัมปีเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรวิชัยนครสมัยศตวรรษที่ 14 และมีซากปรักหักพังของวัด ป้อมปราการ และสถานที่สำคัญอื่น ๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดย UNESCO กว่า 1,600 แห่ง

จองทัวร์พร้อมไกด์ หรือเช่าจักรยานและใช้เวลาหลายวันออกสำรวจตามลำพัง ที่นี่มีอะไรให้ชมมากมาย แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดนั้น ได้แก่ วัด Virupaksha Temple วัด Vitthala Temple และวัด Monkey Temple หาโอกาสไปเยือนในเดือนพฤศจิกายนระหว่างเทศกาล Hampi Utsav (เทศกาลทางวัฒนธรรมสุดยิ่งใหญ่) เพื่อสัมผัสกับความตื่นเต้นเพิ่มเติม ขอแนะนำให้เข้าพักที่โฮมสเตย์เปี่ยมเสน่ห์ในฮัมปีอย่าง Banana Farm House

พาราณสี รัฐอุตตรประเทศ

พาราณสี รัฐอุตตรประเทศ

พาราณสีเป็นหนึ่งในเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องที่เก่าแก่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของอินเดีย เมืองนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอินเดียริมแม่น้ำคงคาอันเป็นที่สักการะบูชา ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณนี้ทำให้พาราณสีเปี่ยมไปด้วยพลังที่ใครก็สัมผัสได้ ซึ่งสามารถชื่นชมได้ดีที่สุดโดยการล่องเรือชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกที่เปี่ยมมนตร์เสน่ห์

คุณจะเห็นพวงมาลัยลอยทั่วผืนน้ำและควันพวยพุ่งจากบันไดที่ทอดลงสู่แม่น้ำขณะที่พิธีเผาศพในที่สาธารณะเริ่มขึ้นในแต่ละวัน พาราณสีเป็นที่อยู่อาศัยทางจิตวิญญาณของเหล่าสาธุ (นักบวชผู้ละทิ้งทรัพย์สินทางโลกทั้งหมด) ของอินเดีย ดังนั้นบันไดที่ทอดลงสู่แม่น้ำจึงเต็มไปด้วยชาวฮินดูผู้มีจิตศรัทธามาทำพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังเต็มไปด้วยกองฟืนในพิธีศพซึ่งเป็นจุดที่ร่างทั้งหลายถูกเผาด้วยเปลวไฟนิรันดร์อันศักดิ์สิทธิ์

หากต้องการเห็นภาพที่น่าตื่นเต้นและตราตรึงเป็นพิเศษ ขอแนะนำให้มาเยือนที่นี่ในช่วงเทศกาลเทพทีปาวลี เทศกาลนี้จัดขึ้นในคืนพระจันทร์เต็มดวงหลังผ่านเทศกาลดิวาลีไปแล้ว 15 วัน (ระหว่างปลายเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายน) และคุณจะได้เห็นตะเกียงดินเผา (ดิยา) มากกว่าล้านดวงส่องแสงสว่างไสวบนขั้นบันไดที่นำลงไปสู่ผืนน้ำ เข้าพักที่ Brijrama Palace โรงแรมบูติคสไตล์โบราณริมแม่น้ำคงคา

โกนัค รัฐโอริสสา

โกนัค รัฐโอริสสา

ในรัฐโอริสสาที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งและหันหน้าเข้าสู่อ่าวเบงกอล คุณจะพบกับวิหารสุริยะแห่งโกนัคอันประณีตงดงามของอินเดียที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13

แหล่งมรดกโลก UNESCO ที่มีชื่อเสียงแห่งนี้อุทิศให้กับพระสุริยะหรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ของศาสนาฮินดู และสร้างขึ้นในรูปแบบรถม้าอันใหญ่โตของเทพดังกล่าว ชื่นชมความงามของล้อหิน 12 คู่ที่ลากโดยม้าหิน 7 ตัว ทั้งหมดนี้แสดงในรูปแบบงานแกะสลักสุดวิจิตรและสามารถบอกเวลาโดยอาศัยแสงอาทิตย์

หากโชคดีและได้ไปเยือนในเดือนธันวาคม คุณจะได้สัมผัสกับเทศกาลเต้นรำโกนัค ซึ่งแสดงถึงความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของอินเดียที่เปี่ยมสีสันและชีวิตชีวา เข้าพักที่ Mayfair Waves ซึ่งอยู่ห่างจากวิหารสุริยะโดยใช้เวลาขับรถไม่ถึงชั่วโมง

เดลี ภูมิภาคนครหลวงแห่งชาติ (NCR)

เดลี ภูมิภาคนครหลวงแห่งชาติ (NCR)

เมืองหลวงของอินเดียนี้มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์อยู่มากมาย แต่มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ไม่ควรพลาดนั้นมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ ป้อมแดง สุสานหุมายูน และหอคอยกุตุบมีนาร์

เดินเล่นในอาณาบริเวณของป้อมแดง (หรือ “Lal Qila”) เพื่อชื่นชมกำแพงหินทรายสีแดงอันโอ่อ่าซึ่งพระเจ้าชาห์ จาฮาน สมเด็จพระจักรพรรดิในราชวงศ์โมกุลรับสั่งให้สร้างขึ้นในปี 1639 จากนั้นก็ไปเยี่ยมชมสุสานหุมายูน (“Maqbara e Humayun”) ซึ่งเป็นหลุมฝังศพสุดงดงามอลังการ โดม 2 ชั้นขนาดมหึมาของที่นี่ปกคลุมด้วยหินอ่อนและหินทรายสีแดง และตั้งตระหง่านท่ามกลางสวนที่มีความสมมาตร

และลำดับสุดท้าย หอคอยกุตุบมีนาร์ที่งดงามจากสมัยศตวรรษที่ 13 หอคอยนี้สร้างขึ้นสำหรับมุอัซซิน (ผู้ประกาศเรียก) เพื่อใช้ในการเรียกชาวมุสลิมให้มาทำพิธีละหมาด และเป็นหอคอยสุเหร่าอิฐที่สูงที่สุดในโลก พักใกล้กับป้อมแดงที่ Haveli Dharampura โรงแรมบูติคสไตล์โบราณที่ได้รับรางวัลจาก UNESCO

ออรังกาบัด รัฐมหาราษฏระ

ออรังกาบัด รัฐมหาราษฏระ

ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองออรังกาบัดในเนินเขาแห่งรัฐมหาราษฏระเป็นที่ตั้งของถ้ำอชันตา กลุ่มวัดพุทธสุดตระการตาที่สร้างด้วยการเจาะเข้าไปด้านข้างของช่องเขาหินแกรนิตอันสูงชัน ในบรรดาถ้ำเหล่านี้มีหลายแห่งที่มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 5 และนับเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่งเนื่องจากมีทั้งงานประติมากรรม จิตรกรรมฝาผนัง และภาพปูนเปียกที่แสดงถึงคำสอนของพุทธศาสนา

เรื่องราวเหล่านี้ถูกแสดงผ่านภาพเขียนที่มีรายละเอียดงดงาม และเรียกว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างศิลปะอินเดียโบราณชั้นเลิศที่ยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงทุกวันนี้ นอกเหนือจากนั้น เพียงขับรถเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งก็จะพบกับความงามทางสถาปัตยกรรมที่โบราณยิ่งกว่าอย่างถ้ำเอลโลรา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวัดฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งสร้างโดยการเจาะเข้าไปในหิน

ถ้ำเหล่านี้อุทิศให้กับศาสนาพุทธ ฮินดู และเชน ซึ่งแสดงถึงแนวคิดการยอมรับความแตกต่างของผู้อื่นอันเป็นลักษณะเฉพาะของอินเดียโบราณ ทั้งยังมีงานศิลปะที่มีอายุย้อนไปถึง ค.ศ. 600-1000 ขอแนะนำให้เข้าพักที่ Vivanta Aurangabad อันหรูหรางดงาม

ชัยปุระ รัฐราชสถาน

ชัยปุระ รัฐราชสถาน

ชัยปุระเป็นเมืองหลวงที่มีกำแพงล้อมรอบของรัฐราชสถานและเป็นประตูสู่รัฐนี้ แต่ก็นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในตัวของมันเอง

ที่นี่เป็นแหล่งมรดกโลก UNESCO และได้รับสมญานามว่า “นครสีชมพู” แห่งอินเดียเนื่องจากสีชมพูอมส้มอันน่าหลงใหลบนอาคารหินทรายของเมือง เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายของอินเดียในประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันคุณอาจคาดได้ว่าจะเห็นสตรีทฟู้ดกลิ่นหอมกรุ่น ตลาดที่ขายงานฝีมือและผ้าชั้นดี รวมถึงป้อมปราการและพระราชวังที่มีอยู่มากมาย

ขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมฮาวามาฮาล ซึ่งเป็นพระราชวังที่สร้างขึ้นในปี 1799 และมีด้านหน้าอาคารสีชมพูลักษณะคล้ายรังผึ้งสุดวิจิตรงดงาม หรือเดินบนขอบเทือกเขาอราวลีขึ้นไปยังป้อมนาหรครห์ที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 18 เพื่อชมวิวมุมกว้างของเมืองที่งดงามตระการตา จากนั้นก็พักผ่อนในเมืองชัยปุระที่ Magpie Villa

อัมริตสา รัฐปัญจาบ

อัมริตสา รัฐปัญจาบ

ในรัฐปัญจาบซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย เมืองอัมริตสาเป็นที่ตั้งของวิหารทองคำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาซิกข์ แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วสถานะของที่นี่จะยังอยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของ UNESCO แต่สถานที่แห่งนี้ก็มีความงดงามสุนทรีย์ที่น่าหลงใหล

อาคารที่เป็นศูนย์กลางของกลุ่มอาคารนี้ดูเหมือนลอยอยู่กลางทะเลสาบเทียม และปกคลุมด้วยทองคำหนัก 750 กิโลกรัม อันเนื่องมาจากมหาราชาผู้ชื่นชอบความหรูหราในต้นศตวรรษที่ 19 อย่าลืมถอดรองเท้าตรงทางเข้าและเดินตามทางเดินหินอ่อนระหว่างที่ผู้คนสวดมนต์อยู่ที่บริเวณริมน้ำ นอกจากนี้คุณยังสามารถร่วมทานอาหารกับเหล่าผู้แสวงบุญในลังเกอร์ (โรงทานที่ใหญ่ที่สุดในโลก) โรงทานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมหลักแห่งความเท่าเทียม โดยสามารถแจกจ่ายอาหารฟรีให้กับผู้คนจากทุกวรรณะ ศาสนา หรือเพศได้สูงสุดถึง 300,000 คนต่อวัน

หาโอกาสไปเยือนในเดือนพฤศจิกายนเพื่อร่วมเทศกาล Sikh Gurpurab และชมวิหารแห่งนี้ประดับประดาด้วยแสงไฟ นอกจากนี้เหล่าผู้มีจิตศรัทธายังจุดเทียนเพื่อฉลองให้กับวันพิเศษนี้ด้วย เนื่องจากเป็นวันเกิดของคุรุนานักซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นคุรุคนแรกของศาสนาซิกข์ ขอแนะนำให้เข้าพักที่ Country Inn Hall of Heritage, Amritsar

ไม่ว่าคุณจะเดินเล่นท่ามกลางสถานที่สุดน่าทึ่งเหล่านี้หรือแค่เลื่อนดูผ่านหน้าจอ เพลย์ลิสต์ที่ประกอบไปด้วยเพลงอินเดียสุดไพเราะนี้จะปลุกเร้าประสาทสัมผัสและทำให้ประสบการณ์ของคุณสมบูรณ์