ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

จุดหมายที่โรแมนติกที่สุดในโลก


ประเภททริป
พักผ่อนในเมือง
พักผ่อนแบบโรแมนติก

ไม่ว่าคุณจะขับรถเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์หรือออกเดินทางไปยังอีกซีกโลก ก็มีสถานที่ห้ามพลาดอยู่มากมายที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับคู่รัก แต่อะไรกันที่ทำให้สถานที่สักแห่งโรแมนติก? สิ่งที่ดูเหมือนจะอยู่อันดับต้น ๆ ของเช็คลิสต์ ได้แก่ ธรรมชาติที่งดงามน่าทึ่ง ประวัติศาสตร์อันรุ่มรวย และโอกาสอันยอดเยี่ยมในการชมพระอาทิตย์ตก ไม่ว่าทริปของคุณจะเป็นทริปประเภทไหน ก็มั่นใจได้เลยว่าคุณจะพบสถานที่ถูกใจในรายชื่อจุดหมายที่โรแมนติกที่สุดในโลกที่เราได้รวบรวมมาให้

คาร์เมล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

คาร์เมล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

เมืองเล็ก ๆ แสนสุนทรีย์แห่งนี้เป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า Carmel-by-the-Sea และตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ก็เป็นที่อยู่อาศัยของประชากรผู้เป็นศิลปิน และเมื่อได้เห็นทัศนียภาพที่สร้างแรงบันดาลใจของเมืองนี้เพียงแวบเดียวก็เข้าใจได้ไม่ยากเลยว่าเพราะอะไร ด้วยคลื่นที่ส่องประกายระยิบระยับซัดสาดบนผืนทรายสีขาวงาช้าง ต้นไม้ผิดรูปร่างที่เรียงรายบนชายฝั่ง และพื้นที่สีเขียวที่ปกคลุมเป็นแนวโค้งรอบอ่าว และเมื่อเข้าไปในตัวเมืองคาร์เมล คุณก็จะพบกับค็อทเทจมุงหลังคาด้วยฟาง รวมถึงคาเฟ่ ร้านน้ำชา และเบเกอรี่เล็ก ๆ ที่ล้วนตกแต่งด้วยผ้าใบกันสาดลายทางและตะกร้าดอกไม้แบบแขวน พักสักคืนที่ Carmel Country Inn อันหรูหรา ซึ่งคุณสามารถแช่ในอ่างอาบน้ำได้ทั้งคืนและตื่นมาพบกับสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ผลิบาน

กรามาโด รัฐ Rio Grande do Sul ประเทศบราซิล

กรามาโด รัฐ Rio Grande do Sul ประเทศบราซิล

กรามาโดเป็นเมืองแสนสวยที่ตั้งอยู่บนเส้นทางเดินเท้าที่รู้จักกันในชื่อ Rota Romântica โดยครั้งแรกที่ไปเยือนเมืองนี้คุณอาจนึกว่าเพิ่งเดินทางมาถึงเทือกเขาแอลป์ก็เป็นได้ กรามาโดได้รับอิทธิพลอย่างเด่นชัดจากเยอรมนี อิตาลี และโปรตุเกส และขึ้นชื่อเรื่องบ้านโครงไม้และร้านช็อกโกแลตชั้นเยี่ยม บริเวณโดยรอบเมืองนั้นโด่งดังเรื่องทัศนียภาพอันน่าทึ่ง ส่วนตัวเมืองเองก็เป็นสถานที่พักผ่อนที่งดงามซึ่งมั่นใจได้เลยว่าจะจุดประกายให้ความรักก่อตัว ช่วงเวลาดีที่สุดในการไปเยือนเมืองนี้คือปลายฤดูใบไม้ผลิ เมื่อดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอมม่วงผลิบานรอบ ๆ ทะเลสาบ Lake Negro ที่พักที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบคือ Hotel Laghetto Pedras Altas สปาของที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอันหรูหรา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสร้างความผ่อนคลายหลังออกสำรวจเมืองมาแล้วทั้งวัน

ปารีส แคว้นอิลเดอฟรองซ์ ประเทศฝรั่งเศส

ปารีส แคว้นอิลเดอฟรองซ์ ประเทศฝรั่งเศส

รายชื่อสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดในโลกคงไม่สมบูรณ์ถ้าขาดเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งความรัก” ที่นี่มีกิจกรรมมากมายเกินพอให้เหล่าคู่รักได้มีอะไรทำ ตั้งแต่ขึ้นหอไอเฟลไปจนถึงล่องเรือในแม่น้ำแซน สิ่งที่ทำให้ปารีสเป็นเมืองที่โรแมนติกอย่างน่าอัศจรรย์ก็คือช่วงเวลาเงียบ ๆ อย่างการนั่งใกล้ชิดกันใต้แสงเทียนวูบไหวในคาเฟ่แสงสลัว ขอแนะนำให้เดินเล่นไปตามทางเดินมีหลังคาที่มีร้านค้าเรียงรายอยู่ 2 ฝั่งอย่าง Passage des Panoramas ซึ่งส่องสว่างด้วยโคมไฟที่ใช้แก๊สเพื่อให้บรรยากาศแบบโลกเก่าที่วิเศษอย่างแท้จริง ส่วนย่านมงมาร์ตก็เป็นที่โปรดปรานมายาวนานในหมู่คนอกหักที่ชอบเดินเล่นเรื่อยเปื่อย แต่ขอแนะนำให้ไปเยือนไร่องุ่นที่อยู่ใกล้ ๆ หากต้องการพูดคุยกันสองต่อสองโดยไม่มีใครรบกวน ไร่องุ่นนี้ถือเป็นแห่งสุดท้ายที่มีให้เห็นในปารีส โดยมีต้นองุ่นแถวแล้วแถวเล่าเลื้อยขึ้นตามแนวเนินสูงชัน อย่าพลาดชมภาพยนตร์คลาสสิกที่โรงภาพยนตร์ Le Louxor ก่อนไปค้างคืนที่ Artist Room Montmartre

มูราโน่ แคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี

มูราโน่ แคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี

มูราโน่ตั้งอยู่ในเวเนเชียนลากูน และเป็นที่เลื่องลือในฐานะสถานที่พักผ่อนสำหรับผู้รักความโรแมนติกที่ต้องการหลีกหนีจากฝูงชน ครั้งหนึ่งมูราโน่เคยเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องแก้วของโลก และสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเมื่อมาเยือนที่นี่ก็คือการเข้าชมการสาธิตเป่าแก้วซึ่งมีให้เลือกชมได้มากมาย รวมถึงการซื้อเครื่องแก้วแวววาวสวย ๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านสักชิ้นหรือซื้อกลับไปฝากคนที่คุณรัก คลองในมูราโน่นั้นแตกต่างอย่างมากจากลำน้ำในเวนิสที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว คลองของที่นี่จะลดเลี้ยวผ่านบ้านเรือนสีสันสดใสที่มีกลิ่นอายอุตสาหกรรมแบบดิบ ๆ ขอแนะนำให้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเดินเล่นข้ามสะพานที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ก่อนกระโดดขึ้นเรือโดยสาร (Vaporetto) และล่องไปบนผืนน้ำสาดกระเซ็นที่ปกคลุมรอบเกาะแห่งนี้ จากนั้นก็เข้านอนในห้องเพนท์เฮาส์ที่ Murano Suites ซึ่งตกแต่งด้วยคานโบราณและชมวิวเมืองจากเบื้องบน

โพโคลบิน ประเทศออสเตรเลีย

โพโคลบิน ประเทศออสเตรเลีย (ไร่องุ่นใน Hunter Valley)

โพโคลบินตั้งอยู่ท่ามกลางไร่องุ่นของ Hunter Valley และเป็นหนึ่งในพื้นที่ชนบทที่มีทัศนียภาพงดงามที่สุดในแหล่งผลิตไวน์ของออสเตรเลียแห่งนี้ โพโคลบินเป็นจุดหมายที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เดินทางที่ต้องการผสานความโรแมนติกเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ากับการชิมอาหารและไวน์ระดับโลก และที่นี่ก็โดดเด่นในเรื่องการมีตัวเลือกที่มากมายหลากหลาย เพียงขับรถระยะสั้น ๆ จากโพโคลบินก็จะพบกับ Tallavera Grove โรงผลิตไวน์ขนาดเล็กที่มีความพิเศษเฉพาะตัวซึ่งคุณสามารถดื่มด่ำกับไวน์ที่ดีที่สุดจำนวนหนึ่งของ Hunter Valley คุณสามารถจิบไวน์ระหว่างที่นั่งเล่นเรื่อยเปื่อยบนลานระเบียงที่ปกคลุมด้วยใบไม้ ซึ่งมองออกไปเห็นวิวเนินเขาทอดตัวเป็นลูกคลื่นที่แต่งแต้มด้วยแสงอาทิตย์ Château Elan เป็นสถานที่ที่เหมาะสุด ๆ สำหรับประสบการณ์พักค้างคืนสุดหรู คุณสามารถพิชิตความหิวได้ที่ร้าน Muse Kitchen และปิดท้ายวันด้วยการจิบไวน์สักแก้วพร้อมชมทิวทัศน์ทุ่งหญ้าสีส้มเปลวเพลิงยามอาทิตย์อัสดง

เกรทนากรีน เขต Dumfries and Galloway ประเทศสหราชอาณาจักร

เกรทนากรีน เขต Dumfries and Galloway ประเทศสหราชอาณาจักร

ในศตวรรษที่ 18 กฎหมายอังกฤษกำหนดไว้ว่าคู่รักที่อายุต่ำกว่า 21 ปีไม่สามารถแต่งงานกันโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เป็นพ่อแม่ ด้วยเหตุนี้เอง เหล่าคู่รักผู้อาภัพจึงหนีขึ้นเหนือไปแต่งงานกันที่สกอตแลนด์ซึ่งมีกฎที่ผ่อนปรนกว่าเล็กน้อย เกรทนากรีนคือหมู่บ้านแรกที่คุณจะพบหลังข้ามเส้นเขตแดนไป จึงทำให้ที่นี่เป็นสถานที่อันดีเยี่ยมสำหรับแต่งงาน และเสน่ห์ดึงดูดใจของที่นี่ก็ยังคงอยู่เป็นเวลาช้านาน ลองเดินเล่นลัดเลาะในหมู่บ้านจนบังเอิญพบกับ Gretna Green Famous Blacksmiths Shop ซึ่งเป็นสถานที่ที่คู่รักวัยหนุ่มสาวจำนวนมากในสมัยก่อนหนีตามกันเพื่อมาแต่งงาน และทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นสถานที่ที่คู่รักวัยหนุ่มสาวมาแต่งงานกัน ฤดูหนาวในเกรทนากรีนนั้นโรแมนติกเป็นพิเศษ เมื่อละอองหิมะโปรยปรายลงปกคลุมทุกหนแห่งและหน้าต่างมากมายในหมู่บ้านส่องแสงเรืองเรื่อ นอนหลับสนิทอย่างอุ่นสบายบนเตียงสี่เสาที่ The Mill Forge

ไม่มีอะไรจะสร้างบรรยากาศแห่งความรักได้ดีเท่าเสียงเพลงในภาษาแห่งความรักอีกแล้ว ดื่มด่ำกับเพลย์ลิสต์เพลงรักสุดโรแมนติกนี้ที่มีบทเพลงคลาสสิกอย่าง Que je t’aime ของ Johnny Hallyday และท่วงทำนองที่ไพเราะแต่แฝงด้วยความเศร้าของ Edith Piaf